วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 10

ระบบเครือข่าย กับ เวิลด์ไวด์เว็บ และ ความปลอดภัย
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการไหลของสารสนเทศ จากแหล่งหนึ่งไปแหล่งหนึ่ง ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงเกิดเป็นเครือข่ายที่เป็นนามธรรมอื่นๆ ตามมาอีกเป็นจำนวนมาก เช่น เครือข่ายโรงเรียน (SchoolNet) เครือข่ายมหาวิทยาลัย (Thai UniNet) เครือข่ายงานวิจัย เช่น เครือข่ายฟิสิกส์พลังงานสูง (High-Energy Physics Networks) ในยุโรป เครือข่ายธนาคาร (Bank Net) และอื่นๆ อีกมากมาย เครือข่ายสารสนเทศเหล่านั้น บางเครือข่ายก็อาศัยอยู่บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์เฉพาะของตน มีรูปแบบการถ่ายเทข้อมูล (Protocol) ของตัวเอง เช่น เครือข่ายของธนาคาร แต่เครือข่ายส่วนมากอาศัยอยู่บน เครือข่ายคอมพิวเตอร์สาธารณะ อย่างเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น เครือข่ายวิทยุบนอินเตอร์เน็ต (RadioNet) หรือ เครือข่ายมหาวิทยาลัย เป็นต้น
เครือข่ายอินเตอร์เน็ตตามนิยามแล้ว ก็คือเครือข่ายของเครือข่าย (Inter-Networks --> Internet) ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Networks) ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า LAN หลายๆ เครือข่ายมาต่อกัน จนกลายเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ อินเตอร์เน็ตประสบความสำเร็จได้ เพราะความเป็นระบบเปิดของโปรโตคอลสื่อสารอย่าง TCP/IP ทำให้มีโปรแกรมประยุกต์ให้ใช้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web หรือ WWW) จนทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดไปว่า WWW ก็คืออินเตอร์เน็ต วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจในเรื่องของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ LAN ที่เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของอินเตอร์เน็ต โปรโตคอล TCP/IP การทำงานของ WWW เพื่อค้นหาเบื้องลึกว่าทำไมมันจึงได้รับความนิยมยิ่งนัก(อ่านต่อ...)

ที่มา : http://www.easyzonecorp.net/network/view.php?ID=151

งานนำเสนอ











ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 9

20 ขวบ"เวิลด์ไวด์เว็บ" ผู้ก่อตั้งหวั่นเรื่องสอดแนมมากที่สุด

Tim Berners-Lee ประธาน W3C ผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็นบิดาของ www

"ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี" ผู้ให้กำเนิดแนวคิด www หรือเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web) กล่าวในงานฉลองครบรอบ 20 ปี www เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 52 ณ โกลบ ออฟ ไซน์ แอนด์ อินโนเวชั่น (Globe of Science and Innovation) ที่เซิร์น สวิตเซอร์แลนด์ ว่านักท่องอินเทอร์เน็ตทุกคนกำลังมีความเสี่ยงในการถูกรัฐบาลและองค์กรทั่ว ไปติดตามสอดแนมประวัติการใช้งานเว็บไซต์มากขึ้น ระบุว่านี่คือเรื่องสำคัญที่นักท่องเน็ตทุกคนควรหลีกเลี่ยง ไม่ได้พูดถึงองค์กรใดเป็นพิเศษแต่หลายเสียงมองว่าสิ่งที่เบอร์เนอร์ส-ลีพูด พาดพิงถึงกูเกิล

ในงานฉลอง 20 ปี www ที่องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนานิวเคลียร์ หรือเซิร์น (European Center for Nuclear Research: CERN) จัดขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี (Tim Berners-Lee) ประธานองค์กรความร่วมมือเวิลด์ไวด์เว็บหรือ World Wide Web Consortium (W3C) แสดงความกังวลในเทคโนโลยีระบบการทำงานใหม่ซึ่งถูกพัฒนาให้สามารถบอกราย ละเอียดกิจกรรมออนไลน์ของผู้ใช้แต่ละคน เพื่อสร้างเป็นประวัติส่วนตัวของผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติ เท่ากับการรุกรานข้อมูลส่วนตัวที่วิ่งบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเช่นนี้ เป็นหนึ่งในสิ่งที่เบอร์เนอร์ส-ลีกังวลมากที่สุดในฐานะผู้ก่อตั้งเส้นทางอิน เทอร์เน็ตอย่าง www

"การสอดแนมลักษณะนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องหลีกเลี่ยง" ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวอังกฤษกล่าว โดยบอกว่าหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดของโลกอินเทอร์เน็ตคือการสร้าง ความมั่นใจว่า ข้อมูลบนโลกออนไลน์นั้นถูกนำไปใช้ตามจุดประสงค์ที่เจ้าของข้อมูลยินยอมและ สมัครใจ

แม้ไม่ได้ระบุชื่อกูเกิล (Google) ยักษ์ใหญ่บริษัทโฆษณาออนไลน์สัญชาติอเมริกัน แต่หลายคนอดไม่ได้ที่จะนำสิ่งที่เบอร์เนอร์ส-ลีพูดถึง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบการทำงานใหม่ที่เขาระบุว่าสามารถตัดสินใจว่าใครควรจะ ชมคอนเทนท์ใดบนเว็บได้อย่างง่ายดาย มาเชื่อมโยงกับระบบโฆษณาใหม่ของกูเกิล โดยกูเกิลนั้นเพิ่งเริ่มทดสอบระบบโฆษณาใหม่ในชื่อ "interest-based advertising" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เป็นระบบโฆษณาที่ถูกออกแบบมาให้สามารถบันทึกประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ต ของผู้ใช้แต่ละคน เพื่อประมวลออกมาเป็นข้อมูลความสนใจ สำหรับนำไปใช้ในการเลือกโฆษณาที่เหมาะสมกับผู้ใช้รายนั้นๆ

นอกจากระบบอัตโนมัติ เบอร์เนอร์ส-ลียังพูดถึงความนิยมในการใช้แอปพลิเคชันฟรีบนอินเทอร์เน็ตหรือ คลาวด์เซอร์วิส (cloud service) ที่เพิ่มมากขึ้น ว่ายิ่งทำให้ข้อมูลส่วนตัวที่เก็บบนอินเทอร์เน็ตมีโอกาสรั่วไหลยิ่งขึ้น จุดนี้เบอร์เนอร์ส-ลีย้ำว่าภาครัฐควรเข้ามามีส่วนร่วมในการสอดส่องดูแลโลกออ นไลน์เพื่อป้องกันการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในทางที่ผิด ท่ามกลางเทคโนโลยีบนโลก www ที่เบอร์เนอร์ส-ลีเชื่อว่าจะมีการพัฒนาที่รวดเร็วขึ้นอีก

"การพัฒนาเว็บนั้นยังไม่สิ้นสุด ผมมั่นใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ที่จะเขย่าโลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมา ก่อน" เบอร์เนอร์-ลีเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นคือการเชื่อมโยงข้อมูลแบบใหม่ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อระบบคอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ข้อมูลในแต่ละบิตได้เอง ไม่ใช่การวิเคราะห์เว็บเพจที่ถูกเปิดใช้งานอย่างที่เป็นในปัจจุบัน(อ่านต่อ...)

ที่มา:http://www.adslthailand.com/board/showthread.php

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 8

ระบบข่าวสารเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW)
ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๔ มีการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข่าวสารแบบไฮเปอร์เทกซ์บนเครือข่าย ส่วนของไฮเปอร์เทกซ์เป็นเอกสารที่เชื่อมโยงกันได้ทั่วทั้งเครือข่าย จึงเรียกระบบสารเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารนี้ว่า WWW (World Wide Web) ระบบข่าวสาร WWW เป็นระบบข่าวสารที่มีประโยชน์มาก มีการใช้กันอย่างกว้างขวาง และเป็นที่นิยมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต

หากย้อนกลับไปในอดีต ความคิดในเรื่องไฮเปอร์เทกซ์มีมานานแล้ว โดยเฉพาะในสมัยที่บริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์สร้างเครื่องแมคอินทอชและระบบกรา ฟิคัลยูสเซอร์อินเทอร์เฟซ (GUI)บริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ได้สร้างรูปแบบของการเก็บข้อมูลแบบไฮเปอร์ เทกซ์ไว้ ระบบการเก็บข้อมูลแบบไฮเปอร์เทกซ์จึงเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มผู้ใช้ เครื่องแอปเปิลแมคอินทอช

เมื่ออินเทอร์เน็ตแพร่หลาย ความคิดในการทำไฮเปอร์เทกซ์มาประยุกต์บนเครือข่ายก็เริ่มเป็นรูปร่าง โดยมีการพัฒนากลไกขึ้นมา ๓ ส่วนส่วนแรกคือ ตัวเนื้อหาหรือข้อมูล ซึ่งก็คือ ตัวหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่รวมรูปภาพ เสียง และภาพเคลื่อนไหวไว้ หรือมีลักษณะเป็นแบบมัลติมีเดียหนังสืออิเล็กทรอนิกส์นี้มีลักษณะเฉพาะตาม มาตรฐานที่กำหนด โดยเน้นการผลิตตัวหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่แยกออกไป การจัดรูปแบบหนังสือใช้มาตรฐาน HTML ส่วนที่ ๒ คือส่วนจัดการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์และเชื่อมโยงบนเครือข่าย ซึ่งได้มีการกำหนดโพรโทคอลพิเศษสำหรับการเชื่อมโยงบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เรียกว่า โพรโทคอล HTTP (HyperText TransportProtocol) โพรโทคอลนี้มีลักษณะทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนที่ ๓ คือ เครื่องเปิดอ่านหนังสือ หรือที่เรียกว่า เบราว์เซอร์ (browser)เครื่องเปิดอ่านหนังสือจะเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายตามโพรโทคอลที่ กำหนด และเชื่อมโยงเพื่อนำ ข้อมูลหนังสือ (ไฮเปอร์เทกซ์) มาแสดงผลเบราว์เซอร์สามารถแสดงผลแบบมัลติมีเดียได้เมื่อรวมทั้ง ๓ ส่วนนี้เข้าด้วยกัน จึงกลายมาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมากมาย เราเรียกระบบข่าวสารที่เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายว่า เวิลด์ไวด์เว็บ (WWW)

ที่มา:http://guru.sanook.com/encyclopedia

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวประจำสัปดาห์ที่7

เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web)
เวิลด์ไวด์เว็บ นิยมเรียกสั้นๆ ว่าเว็บ หรือ WWW ถือเป็นส่วนที่น่าสนใจที่สุดบนอินเทอร์เน็ตเพราะ
สามารถแสดงสารสนเทศต่างๆ ได้หลากหลาย เช่น นิตยสารหรือหนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ข้อมูลด้านดนตรี
กีฬา การศึกษา ซึ่งสามารถนำเสนอได้ทั้งภาพ เสียง รวมถึงภาพเคลื่อนไหว เช่นแฟ้มภาพวีดิทัศน์หรือตัวอย่าง
ภาพยนตร์ และการสืบค้นสารสนเทศในเวิลด์ไวด์เว็บนั้นจำเป็นต้องอาศัยโปรแกรมค้นดูเว็บ (web browser)
ในการเข้าถึงแหล่งข้อมูล โดยที่เว็บกับโปรแกรมค้นผ่านจะทำหน้าที่รวบรวมและกระจายเอกสารที่เครือข่าย
ที่ทำไว้
เกตส์ (Gates, 1995) ได้กล่าวถึงเว็บไว้ว่า นอกเหนือจากการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์และการแลก
เปลี่ยนเอกสารกันแล้ว อินเทอร์เน็ตยังสนับสนุนสืบค้นข้อมูล อันเป็นโปรแกรมการใช้งานที่ได้รับความนิยม
มากที่สุดแบบหนึ่งนั่นคือเวิลด์ไวด์เว็บ ซึ่งหมายถึงเครื่องบริการเว็บที่ต่อเชื่อมเข้ากับอินเทอร์เน็ตโดยมี
ข่าวสารเป็นภาพกราฟิก เมื่อเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องบริการเว็บประเภทนั้น จอภาพจะปรากฏข่าวสารพร้อมด้วย
การเชื่อมโยง เมื่อเลื่อนเมาส์ไปคลิกที่จุดเชื่อมโยงใดๆ ก็จะเป็นการเปิดไปสู่อีกหน้าหนึ่งที่มีข่าวสารเพิ่มเติม
พร้อมทั้งการเชื่อมโยงจุดใหม่อื่นๆ ซึ่งข่าวสารหน้าใหม่นี้อาจจะอยู่ในเครื่องบริการเว็บเดียวกันหรืออาจเป็น
เครื่องบริการเว็บอื่นๆ ในอินเทอร์เน็ต
กิดานันท์ มลิทอง (2540) ได้กล่าวถึงเวิลด์ไวด์เว็บว่า เป็นบริการสืบค้นสารสนเทศที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต
ในระบบข้อความหลายมิติ (hypertext) โดยคลิกที่จุดเชื่อมโยง เพื่อเสนอหน้าเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
สารสนเทศที่นำเสนอจะมีรูปแบบทั้งในลักษณะของตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง การเข้าสู่ระบบ
เว็บจะต้องใช้โปรแกรมทำงานซึ่งโปรแกรมที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน ได้แก่ เน็ตสเคป นาวิเกเตอร์ (Netscape
Navigator), อินเทอร์เน็ต เอ็กซพลอเรอร์ (Internet Explorer) มอเซอิก (Mosaic) โปรแกรมเหล่านี้ช่วย
ให้การใช้เว็บในอินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างสะดวกยิ่งขึ้น

ที่มา http://www.jobpub.com

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

OPAC

แบบเสนอOPAC คลิกที่นี่ครับ

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 6

คำว่า www. และ internet ถ้าจะมีใครถามหรือเราตั้งคำถามกับตัวเราเองว่าคำ 2 คำนี้เหมือนหรือแตกต่าง ๆ กันยังไงก็คงจะมีส่วนที่ยากและง่ายอยู่ สำหรับผมจากที่ได้ศึกษาและได้ทำงานด้านนี้มาก็หลายปีพอสมควรก็จะขอลองให้คำจำกัดความและชี้ให้เห็นข้อแตกต่าง ของคำ 2 คำนี้เพื่อจะให้หลาย ๆ เข้าใจมากขึ้น (สิ่งต่อไปนี้ที่จะได้อ่านเป็นเพียงการสรุปจากข้อมูลหลาย ๆ ที่ ที่ผมได้ศึกษามาและได้ถ่ายทอดไปต่อยังบุคคลอื่น ๆ)เริ่มจากคำว่า internet ก่อนหลาย ๆ ชอบใช้คำว่าเล่น internet ก็จะเหมือนกับคำว่า เล่น computer ทั้ง ๆ สิ่งที่ทำนั้นก็อาจจะเป็นการเปิด website , เล่นเกมส์ , อ่านข่าว , ดูคลิป , ฯลฯ โดยการอาศัยเครื่อง computer เป็นสื่อในการกระทำเท่านั้น ดังนั้น internet ก็จะคลายหรือเหมือนคำว่า computer ที่หลาย ๆ คนจะบอกว่าไปเล่น internet แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่กระทำคือการ เปิดรับ/ส่งอีเมลล์ , โพสกระทู้ถามตอบปัญหาต่าง ๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่ากิจกรรมเหล่านี้ได้ใช้หรือได้กระทำผ่านทางระบบเครือข่ายที่เรียกว่า internet
www.kmitl.ac.th/ader/ww1.pdf

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 5

ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี (ที่ 2 จากขวา แถวหน้า) พร้อมด้วยเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมให้กำเนิด "World Wide Web"เมื่อ 20 ปีก่อน ที่เซิร์น ร่วมถ่ายภาพกันในงานฉลองครบรอบ 20 ปี "World Wide Web" ซึ่งจัดขึ้นที่เซิร์น ใกล้กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 52 (เอเอฟพี)www มีอายุครบ 20 ปีแล้ว เซิร์นในฐานะบ้านเกิด จึงจัดงานฉลอง พร้อมเชิญเหล่านักวิทย์ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ มาบรรยายแลกเปลี่ยนทัศนะ "ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี" ผู้ให้กำเนิด "World Wide Web" ตัวจริง ก็มาร่วมเป็นคีย์โนตด้วย พร้อมเตือนผู้ใช้เว็บไซต์ให้ระมัดระวังการโพสต์ประวัติส่วนตัว เพราะอาจถูกสอดแนมจากผู้ไม่ประสงค์ดีได้ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนานิวเคลียร์ หรือเซิร์น (European Center for Nuclear Research: CERN) จัดงานฉลองครบรอบ 20 ปี กำเนิด "www" หรือ "เวิลด์ ไวด์ เว็บ" (World Wide Web) เมื่อวันที่ 13 มี.ค.52 ณ โกลบ ออฟ ไซน์ แอนด์ อินโนเวชั่น (Globe of Science and Innovation) ที่เซิร์น สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีสื่อมวลชนมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง www ที่เป็นประตูสู่โลกอินเทอร์เน็ตของคนทั่วโลกในทุกวันนี้มีอายุครบ 20 ปี พอดีในเดือน มี.ค. ปีนี้ จากการสร้างสรรค์และพัฒนาโดย ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี (Tim Berners-Lee) นักพัฒนาซอฟต์แวร์สัญชาติอังกฤษของเซิร์น และนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคนในองค์กรเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพี พาย้อนกลับไปเมื่อเดือน มี.ค. ของ 20 ปีก่อน ที่ เบอร์เนอร์ส-ลี นำเอกสารโครงงานฉบับหนึ่ง เกี่ยวกับการจัดการข้อมูล (Information Management: a proposal) ไปเสนอต่อ ไมค์ เซนดอล (Mike Sendall) หัวหน้าของเขา เมื่อเซนดอลได้อ่านดูแล้วก็บอกว่า มันยังดูไม่ค่อยมีความชัดเจนสักเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากทีเดียว ทว่าเซนดอลก็เปิดไฟเขียวให้เบอร์เนอร์ส-ลี เดินหน้าโครงการนั้นต่อไปได้ โดยมีนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคนร่วมกันพัฒนา จนสามารถทำให้เว็บบราวเซอร์เรียกเกิดขึ้นในเดือน ต.ค. 2533 และต่อจากนั้นจนถึงปัจจุบันก็มีเว็บบราวเซอร์ เกิดขึ้นมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งนี้ ปัจจุบันเบอร์เนอร์ส-ลี เป็นนักวิจัยอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology: MIT) สหรัฐอเมริกา และดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ที่มหาวิทยาลัยเซาแธมป์ตัน (Southampton University) อังกฤษ รวมทั้งเป็นประธานองค์กรความร่วมมือWorld Wide Web (World Wide Web Consortium: 3WC) สำหรับกิจกรรมที่เซิร์นจัดขึ้นนั้น เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 13 มี.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับ 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ที่ผ่านมา สื่มมวลชนและแขกรับเชิญ เริ่มทยอยลงทะเบียนเข้างาน และถ่ายภาพก่อนเริ่มงาน โดยมีการจำกัดจำนวนสื่อมวลชนให้ร่วมได้เพียงสื่อละ 1 คนเท่านั้น เนื่องจากสถานที่ค่อนข้างจำกัด จากนั้น 14.00 น. รอล์ฟ ฮอยเออร์ (Rolf Heuer) ผู้จัดการทั่วไปของเซิร์นได้กล่าวเปิดงาน ต่อด้วยการบรรยายพิเศษ จากนักวิทยาศาสตร์และนักพัฒนาซอฟต์แวร์อีกหลายคน เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเว็บไซต์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไปจนถึงแนวทางการพัฒนาและความเป็นไปอนาคต โดยมีเบอร์เนอร์ส-ลี เป็นผู้ปาฐกถาหลัก ทั้งนี้ เบอร์เนอร์ส-ลี ได้แสดงความกังวล เกี่ยวกับประวัติส่วนตัวอยู่ผู้ใช้บริการเว็บไซต์ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น และจะถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลออนไลน์โดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้ถูกล้วงข้อมูลส่วนตัวได้ง่าย ดังนั้นผู้ใช้จึงควรหลีกเลี่ยงเว็บไซต์จำพวกนี้ และปิดท้ายการฉลอง 20 ปี www ด้วยงานเลี้ยงค็อกเทลที่สิ้นสุดลงในเวลา 19.00 น. สำหรับใครที่สนใจเกี่ยวกับกิจกรรมครบรอบ 20 ปี www และประวัติความเป็นมาของ www โดยละเอียด สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ http://info.cern.ch/ และเป็นเว็บไซต์แรกของโลกด้วย ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 4

จุดกำเนิดของ www ถูกบันทึกว่าเริ่มต้นขึ้นเมื่อ เบอร์เนอร์ส-ลี เขียนโครงการส่งหัวหน้าหน่วยวิจัย CERN ในเดือนมีนาคม 1989 เป็นโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างนักวิทยาศาสตร์ในทวีปยุโรป โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ CERN ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยทางนิวเคลียร์ฟิสิกส์ ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์โดยใช้ระบบไฮเปอร์เท็กซ์ ก่อนจะเริ่มทดสอบโปรแกรมต้นแบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อรันบนคอมพิวเตอร์ NeXT ซึ่งเป็นพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ OS X Macintosh ของแอปเปิล ปีต่อมา เบอร์เนอร์ส-ลีใช้เวลา 2 เดือนในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งสามารถเปิดให้ผู้ใช้แบ่งปันข้อมูลระหว่างกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยใช้ชื่อเรียกเครือข่ายนี้ว่า World Wide Web ชื่อเครือข่ายใยแมงมุมทั่วโลกดังกล่าวเป็นที่รู้จักในวงกว้างช่วงปี 1991 และได้รับการพัฒนาเรื่อยมาจากหน่วยงานบริษัทไอที จนแพร่หลายไปในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆเช่นในปัจจุบัน
เค้ายังกล่าวใน งานฉลองครบรอบ 20 ปี www เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 52 ณ โกลบ ออฟ ไซน์ แอนด์ อินโนเวชั่น (Globe of Science and Innovation) ที่เซิร์น สวิตเซอร์แลนด์ ว่า...
นักท่องอินเทอร์เน็ตทุกคนกำลังมีความเสี่ยงในการถูกรัฐบาลและองค์กรทั่วไปติดตามสอดแนมประวัติการใช้งานเว็บไซต์มากขึ้น ระบุว่านี่คือเรื่องสำคัญที่นักท่องเน็ตทุกคนควรหลีกเลี่ยง ไม่ได้พูดถึงองค์กรใดเป็นพิเศษแต่หลายเสียงมองว่าสิ่งที่ เบอร์เนอร์ส-ลี พูดพาดพิงถึงกูเกิล
www.b2ccreation.com

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 3

สารสนเทศส่วนราชการ กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานในกำกับของรัฐบาลต่างๆ แม้ขณะนี้จะยังคงมีการนำเสนอข้อมูลในรูปของสิ่งพิมพ์ที่เป็น หนังสือ วารสาร เอกสาร จุลสาร แผ่นปลิว และวัสดุไม่ตีพิมพ์อื่นๆ แต่ด้วยความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ก่อประโยชน์อย่างมหาศาลต่อการจัดเก็บ การประมวลผล และการเผยแพร่สารสนเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายตลอดเวลาจากทั่วทุกมุมโลก ในหลากหลายสาขาวิชาทั้งวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และการพัฒนาสาขาวิชาการใหม่ๆ อีกมาก
หน่วยงานต่าง ๆ ภาครัฐได้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศนี้มาพัฒนาฐานข้อมูลในความรับผิดชอบขององค์กรเพื่อใช้ในหน่วยงาน และกระจายสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ นักธุรกิจ นักศึกษา นักวิจัย ตลอดจนประชาชนทั่วไป ให้ได้รับทราบทั้งเพื่อประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน การดำเนินธุรกิจ การศึกษาค้นคว้าวิจัย และการดำรงชีวิตประจำวัน โดยการเผยแพร่ผ่าน World Wide Web นี้ทำให้ผู้ใช้ได้รับสารสนเทศอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสสารสนเทศมากมายมหาศาลจะปรากฎบนจอภาพให้ได้อ่าน ได้เลือก ตามความสนใจและตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการใช้ หากเรื่องใด รายการใดต้องการจะเก็บไว้ศึกษาค้นคว้าใช้งานก็สามารถเรียกเก็บข้อมูล (download) ใส่ไว้ในหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว หรือเก็บในแผ่นบันทึกข้อมูล (diskette, CD-ROM) ซึ่งจะเรียกใช้เมื่อใดก็ได้ ซึ่งน่าจะมีผู้ปฏิบัติเช่นนี้อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานให้บริการสารสนเทศตามห้องสมุด ศูนย์สารสนเทศต่างๆ ที่ได้เข้าไปแสวงหาสารสนเทศจาก Web site ต่างๆ แล้วนำมาวิเคราะห์ประเมินคุณค่าคัดเลือกรวบรวมไว้ เพื่อจักได้ให้บริการได้อย่างรวดเร็วหรืออาจเพราะบางครั้งสารสนเทศบางเรื่องเมื่อเผยแพร่สักระยะหนึ่งแล้วเมื่อเข้าไปสืบค้นอีกจะไม่พบ
www.lib.ru.ac.th/article/gp.html

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 2

การใช้เทคโนโลยีอื่นนอกจาก World Wide Web สำหรับอินทราเน็ต
เมื่อเราพูดถึง Intranet คนส่วนใหญ่จะนึกถึง World Wide Web หรือภาษาชาวบ้านก็คือ home page ที่เป็นข่าวสารภายในหรือข้อมูลภายในองค์กร ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ผิด เพราะส่วนใหญ่เราก็ใช้ World Wide Web สำหรับอินทราเน็ตจริงๆ และ World Wide Web ก็เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับอินทราเน็ต แต่ในเมื่ออินทราเน็ตก็คือ การใช้เทคโนโลยีของอินเตอร์เน็ต สำหรับงานภายในองค์กร และ World Wide Web ก็เป็นเพียงเทคโลยีหนึ่งในอินเตอร์เน็ตเท่านั้น World Wide Web ไม่ใช่อินเตอร์เน็ตทั้งหมด ยังมีเทคโนโลยีอื่นอีกที่ใช้ในอินเตอร์เน็ต ถ้าเราพิจารณาและเลือกใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นให้เหมาะสม เราก็อาจได้อินทราเน็ตที่มีประสิทธิภาพ และต้นทุนถูกกว่าการใช้ เทคโนโลยีของ World Wide Web เพียงอย่างเดียวก็ได้ ดังนั้นบทความนี้จึงชวนท่านผู้อ่านมามองหาเทคโนโลยีอื่นดูบ้าง ว่าจะเป็นประโยชน์กับอินทราเน็ตเพียงใด
หากจะพูดถึงเทคโนโลยีอื่นที่ไม่ใช่ World Wide Web แล้วมันก็เป็นเรื่องยากพอสมควร ที่จะแยกเทคโนโลยีอื่นออกไปจาก WWW เพราะปัจจุบันผู้ผลิต software ทั้งหลาย ก็พยายามผูกโยงตัวเองเข้าไปกับ browser อยู่แล้ว Java นั้นหากเราจะแยกจาก WWW ก็ได้ ถึงแม้จะผูกโยงโดยตรงกับ browser ก็ตาม แต่ถึงอย่างไรแล้ว Java ก็เป็นความซับซ้อนและต้องการผู้เชี่ยวชาญ มากกว่าการใช้ WWW ธรรมดาเสียอีก ในบทความนี้จึงไม่ถือว่า Java เป็นเทคโนโลยีในกลุ่มที่เราจะพิจารณา
ในมหาวิทยาลัยรังสิตนั้น เราก็ใช้ WWW เป็นหลักและอาจเรียกได้ว่า เป็นเทคโนโลยีเดียวที่ใช้ในอินทราเน็ตก็ได้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ได้พยายามมอง และได้ทดลองนำเทคโนโลยีอื่นมาใช้บ้างแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่มีอะไรดีกว่า WWW ในมหาวิทยาลัยรังสิตเราใช้ WWW ในการให้ข่าวสารและข้อมูล ด้านต่างๆแก่ทั้งผู้บริหาร บุคลากร และนักศึกษา ซึ่งรวมไปถึงผู้ปกครองของนักศึกษาด้วย ข่าวและข้อมูลที่ให้นั้นถือว่า ผู้บริโภคข่าวหรือข้อมูลมีสิทธิที่จะเลือกดูหรือไม่ดูก็ได้ เราไม่ได้บังคับ ขณะที่มีการใช้ WWW อีกด้านหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นการประมวลผล งานแบบนี้จะมีลักษณะบังคับ เช่นการเบิกจ่ายพัสดุจะต้องทำผ่านอินทราเน็ตเท่านั้น จะเบิกโดยวิธีอื่นไม่ได้ นั่นคืองานที่มีลักษณะบังคับ หรือการให้นักศึกษาลงทะเบียนผ่านอินทราเน็ต บังคับให้ลงทะเบียนได้ทางนี้ทางเดียว จึงมีลักษณะบังคับ เมื่อบังคับแล้วผู้บริโภคย่อมไม่มีสิทธิเลือก ไม่มีโอกาสบิดพริ้ว จะไม่สนใจไม่ได้ งานที่มีลักษณะบังคับนี้ จึงประสบความสำเร็จในแง่ผู้ใช้อยู่ในตัวอยู่แล้ว แต่งานในลักษณะที่ไม่บังคับนี่สิ ผู้บริโภคอาจไม่สนใจเลยก็ได้ ถ้าข่าวสารหรือข้อมูลนั้นไม่ดีพอ สำหรับอินทราเน็ตในมหาวิทยาลัยรังสิตนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จไปทุกระบบ การให้ข้อมูลเกี่ยวกับนักศึกษานั้น แน่นอนย่อมประสบความสำเร็จ เพราะนักศึกษาทุกคนอยากรู้ผลการเรียนของตนเอง ถึงแม้จะสามารถหาดูได้ทางอื่น แต่ข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ ก็แลดูน่าเชื่อถือกว่าและที่สำคัญ เรารู้ถึงเสน่ห์ของความเปลี่ยนแปลง
http://itnet.rsu.ac.th/surachai/intranet5.html

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวประจำสัปดาห์ที่1

www คืออะไร
เวิลด์ไวด์เว็บ (อังกฤษ: World Wide Web, WWW, W3 ; หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า "เว็บ") คือพื้นที่ที่เก็บข้อมูลข่าวสารที่เชื่อมต่อกันทางอินเทอร์เน็ต โดยการกำหนด URL คำว่าเวิลด์ไวด์เว็บมักจะใช้สับสนกับคำว่า อินเทอร์เน็ต โดยจริงๆแล้วเวิลด์ไวด์เว็บเป็นเพียงแค่บริการหนึ่งบนอินเทอร์เน็ต
มาตรฐานที่ใช้ในเว็บ
มาตรฐานหลักที่ใช้ในเว็บประกอบด้วย 3 มาตรฐานหลักดังต่อไปนี้:
Uniform Resource Locator (URL) เป็นระบบมาตรฐานที่ใช้กำหนดตำแหน่งที่อยู่ของเว็บเพจแต่ละหน้า
HyperText Transfer Protocol (HTTP) เป็นตัวกำหนดลักษณะการสื่อสารระหว่างเว็บเบราว์เซอร์ และเซิร์ฟเวอร์
HyperText Markup Language (HTML) เป็นตัวกำหนดลักษณะการแสดงผลของข้อมูลในเว็บเพจ
องค์กร World Wide Web Consortium (W3C) พัฒนาและดูแลระบบมาตรฐานหลัก และมาตรฐานอื่นๆ ที่ใช้กันในเวิลด์ไวด์เว็บwww คืออะไร ที่มาจาก wikipediaวัดความเร็วเน็ตเว็บบอร์ด php
ทีมาPHP Mindphp.com

แบบเสนอโปรเจ็ครักร่วมเพศ

คลิกทีนี้ครับ